แมวสฟิงซ์ (Sphynx cat) มันเป็นสายพันธุ์แมวจากแคนาดาที่มีจุดเด่นตรงที่มันไม่มีขน ซึ่งเผยให้เห็นถึงผิวหนังอมชมพูที่มีความย่นเล็กน้อย มันเป็นแมวที่มีข้อดีหลายอย่างที่คุณอาจจะยังไม่รู้ มารู้จักมันให้มากขึ้นในบทความนี้กัน
ข้อมูลทั่วไปของแมวสฟิงซ์
- ขนาดตัว: เล็กจนถึงปานกลาง
- ความสูง: 20 – 25 ซม. วัดจากไหล่
- น้ำหนัก: 2.7 – 5.4 กก.
- อายุขัย: 8 – 15 ปี
- ความยาวขน: ไร้ขน
- ความฉลาด: ฉลาดพอสมควร
- ถิ่นกำเนิด: ประเทศแคนาดา 🇨🇦
- ความต้องการการเอาใจใส่: สูง
- ลักษณะเฉพาะ: ใบหูตั้งตรงทรงสามเหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับใบหน้า หัวทรงสามเหลี่ยม ตาใหญ่ ไม่มีขน หางเล็กแหลม รูปร่างผอมเพรียว ผิวหนังดูมีความย่น
ประวัติของแมวสฟิงซ์
แมวสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดที่เมืองโทรอนโต (Toronto) ในประเทศแคนาดา ในช่วงปี ค.ศ. 1966 มีการค้นพบลูกแมวของแมวท้องถิ่นขนสั้นที่เกิดการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติจนไร้ขนที่ประเทศแห่งนี้ จึงได้มีการนำลูกแมวเหล่านั้นมาผสมพันธุ์ต่อ เพื่อสร้างแมวสายพันธุ์ที่ไร้ขนโดยธรรมชาติขึ้นมา ซึ่งพวกเขาก็ทำสำเร็จ ผลงานที่ได้นั่นคือแมวสายพันธุ์ใหม่ ที่มีชื่อว่า แมวสฟิงซ์ (Sphynx cat)
หลังจากนั้นไม่นานมากนัก แมวสายพันธุ์นี้ได้ถูกนำตัวไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา คงจะเป็นเพราะลักษณะภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ มันได้รับความนิยมจากชาวอเมริกันอย่างรวดเร็ว มันได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากองค์กร Cat Fanciers Association (CFA) ในปี ค.ศ. 2002 และองค์กร The International Cat Association ในปี ค.ศ. 2005
ในปัจจุบัน มันกลายเป็นแมวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยในปี 2022 มันเป็นถึง 1 ใน 10 สายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
ลักษณะนิสัยและความเป็นมิตรของแมวสฟิงซ์
มันเป็นแมวที่มีความซุกซน ขี้เล่น กระฉับกระเฉง กระตือรือร้น ขี้สงสัย และมีชีวิตชีวา มันชื่นชอบการละเล่น ทำกิจกรรมร่วมกับผู้คน และชอบการสำรวจพื้นที่รอบๆ ตัวมัน มันเป็นแมวที่มีความเป็นมิตรสูง ชอบเข้าสังคม ไม่กลัวการเข้าหาคนใหม่ๆ สามารถทำความรู้จักกับผู้คนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้อย่างรวดเร็ว มันยังมีความรักเจ้าของและคนในครอบครัวสูง มันชอบที่จะใช้เวลาอยู่ร่วมกับพวกเขา แต่มันไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตัวเดียวนานๆ ผู้เลี้ยงจึงควรมีเวลาให้กับแมวสายพันธุ์นี้บ้าง
ความหลากหลายของสีแมว
สีตา
สีตาของแมวสายพันธุ์นี้สามารถเป็นโทนสีฟ้า, เหลือง, และเขียว แมวบางตัวจะมีตาข้างละสี (Odd eye)
สีตัว
สีตัวของแมวสายพันธุ์นี้มีสีตัวให้เลือกหลากหลายแบบมากๆ เช่น สีดำ, สีขาว, น้ำตาล, แดง, ลาเวนเดอร์ และอื่นๆ แมวบางตัวจะมี 2 สีในตัว ส่วนลวดลายก็มีหลายแบบเช่นกัน เช่น ไม่มีลาย (Solid Color), ลายเสือ (Tabby), ลายสีกระดองเต่า (Tortoiseshell), ลายขาว-ดำ-ส้ม (Calico) ลายแต้มสี (Pointed) และอื่นๆ
การดูแลแมวสฟิงซ์
การดูแลด้านการออกกำลังกาย
ถึงแม้แมวจะไม่ต้องออกกำลังกายมากเท่ากับสุนัข แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำว่าแมวควรได้รับการออกกำลังกายบ้าง ผู้เลี้ยงจึงควรกระตุ้นให้มันได้ออกแรงปลดปล่อยพลังงานบ้าง จะเป็นการซื้อเสาฝนเล็บมาให้มันได้ออกแรงขีดข่วนลับเล็บ เพื่อช่วยให้แมวรู้สึกผ่อนคลาย ได้ยืดเหยียดออกกำลังกาย และลดโอกาสที่แมวจะไปขีดข่วนเฟอร์นิเจอร์ของคุณ
ควรมีคอนโดแมวให้มันปีนป่ายสำรวจ หรือจะเป็นการใช้ไม้ตกแมว ของเล่นแบบติดพื้น หรือจะเป็นขนไก่ไปเล่นหยอกล้อกับเจ้าเหมียวก็ได้ เพื่อให้มันได้วิ่งออกแรง กระโดด และไล่ตะปบสิ่งเหล่านั้น หรือถ้าคุณสะดวก คุณสามารถพามันไปสำรวจและเดินเล่นนอกบ้านเป็นครั้งคราว มันมีส่วนช่วยให้แมวของคุณมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงสมบูรณ์
เรื่องการดูแลผิวและความสะอาด
แมวสายพันธุ์นี้ไม่มีขน จึงไม่ต้องการการดูแลเรื่องขน แต่เนื่องจากว่ามันไม่มีขน ทำให้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถดูดซับน้ำมันธรรมชาติที่ผลิตออกมาจากผิวมันได้ จึงทำให้ผิวของแมวไร้ขนเหล่านี้ค่อนข้างมัน จึงควรมีเช็ดผิวมันด้วยผ้าขนหนูสะอาด ประกอบกับการอาบน้ำให้มันเป็นครั้งคราว เพื่อชำระล้างความมันของผิวแมวที่อาจจะทำให้บ้านของคุณเปื้อนไปหมด และถึงแม้ว่าแมวจะใช้เวลาในการทำความสะอาดตัวเองได้มากถึง 50% ของเวลาตอนมันตื่นทุกวันอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็ควรช่วยมันทำความสะอาดร่างกายในจุดที่มันทำความสะอาดเองไม่ได้เป็นประจำ เช่น บริเวณใบหน้า ดวงตา ใบหู ด้วยสำลีอย่างเบามือ รวมถึงมีการตัดเล็บ แปรงฟัน และไม่ควรให้มันไปคลุกคลีกับแมวตัวอื่นที่ไม่รู้จัก เพราะมันเสี่ยงต่อการติดหมัดแมวจากแมวตัวอื่น
การดูแลเรื่องสุขภาพโดยรวม
ถึงแม้แมวจะมีโอกาสเป็นโรคลมแดดน้อยกว่าสุนัขพอสมควร แต่อากาศในประเทศไทยนั้นร้อนมากๆ ผู้เลี้ยงจึงควรศึกษาวิธีป้องกันไว้บ้าง แถมมันยังเป็นแมวที่ไร้ขน ซึ่งไม่ค่อยทนต่อรังสียูวีจากแดด หากแมวของคุณมีแนวโน้มว่าจะโดนแสงแดดแรงๆ บ่อยครั้ง คุณควรพิจารณาที่จะซื้อครีมกันแดดสำหรับแมวโดยเฉพาะมาทาให้มัน แต่ห้ามใช้ครีมกันแดดสำหรับมนุษย์เด็ดขาด เพราะมันอาจจะมีสารบางอย่างที่เป็นอันตรายกับตัวแมว
คอยควบคุมรูปร่าง และน้ำหนักตัวของแมวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของสายพันธุ์อยู่เสมอ เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคอ้วน (Obesity) ด้วยการกระตุ้นให้เจ้าเหมียวได้ออกแรงทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกิน อีกส่วนนึงคือการควบคุมและเอาใจใส่คุณภาพและปริมาณอาหารของแมว เลือกประเภทอาหารที่เหมาะสมกับตัวแมว จะเป็นการทานอาหารแบบบาร์ฟที่มีข้อดีหลายอย่าง เป็นอาหารปกติทั่วไป เป็นอาหารแมวแบบเม็ดที่เก็บได้นาน หรือจะเป็นอาหารแมวแบบเปียกที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารของแมวก็แล้วแต่ความสะดวกและเหมาะสม ถ้าเป็นอาหารทั่วไปก็ควรเป็นอาหารที่ดี มีประโยชน์ เช่น เนื้อไก่ เครื่องในไก่ ไข่ไก่ ข้าวเปล่า ผักและผลไม้ที่แมวทานได้มาคลุกให้เข้ากัน โดยไม่ใส่เกลือหรือเครื่องปรุงรสใดๆ ลงไปเพิ่มเติม ในปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดของตัวแมว ถ้าเป็นอาหารสำหรับแมวโดยเฉพาะก็ให้เลือกสูตรที่เหมาะสมกับแมวของคุณ เช่น สูตรแคลเซียมสูง
โรคภัยต่างๆ ที่อาจพบในแมว Sphynx cat
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy): อาการที่สามารถบ่งบอกว่าแมวอาจจะเป็นโรคนี้ คือการที่แมวหายใจไม่ค่อยออก เบื่ออาหาร หัวใจเต้นผิดปกติ อาเจียน และซึมเศร้า แต่ว่าแมวบางตัวอาจจะไม่แสดงอาการป่วยที่สามารถสังเกตได้ออกมาให้เห็นเลย
- ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง (Skin Problem): มันมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพต่างๆ เกี่ยวกับผิวหนังที่แทบจะไร้ซึ่งขน การดูแลรักษาผิวของแมวให้สะอาดและไม่อับชื้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
- ปัญหาเกี่ยวกับช่องปากละฟัน (Dental and Gum Issues): โดยอาการที่สามารถสังเกตได้ นั่นคือแมวจะมีกลิ่นปากที่แรง ไม่ค่อยทานข้าว น้ำลายไหล และเหงือกมีความบวมแดง เราสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคนี้ให้เจ้าเหมียวโดยการหมั่นดูแลทำความสะอาดช่องปากให้แมว
นอกจากนี้ยังมีโอกาสเจอโรคภัยอื่นๆ ดังนี้
- โรคไข้หัดแมว (Panleukopenia)
- โรคเชื้อราแมว (Ringworm)
- โรคพิษสุนัขบ้าในแมว (Rabies)
- โรคเบาหวาน (Diabetes)
- โรคไตในแมว (Kidney Disease)
- พยาธิตัวตืด (Tapeworms)
- ไรในหู (Ear mites)
- โรคต้อหินในแมว (Glaucoma)
- มะเร็งชนิดต่างๆ (Cancer)
- โรคพยาธิหัวใจในแมว (Heart Worm Disease in Cats)
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน (Upper respiratory tractinfection)
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Sphynx cat
- เป็นแมวที่มีความรักให้กับผู้คนในครอบครัว
- เป็นแมวที่อาจจะส่งเสียงร้องเยอะ
- ผิวหนังของมันมีโอกาสโดนแดดเผา
- มันไม่ชอบอยู่ตัวเดียวนานๆ
- มันมีความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าและสัตว์ตัวอื่น
- มันมีความขี้เล่น ซุกซน แอคทีพพอสมควร
Sphynx cat เหมาะกับผู้ที่
- ชอบแมวที่แอคทีพ ขี้เล่น
- มีที่ที่ไม่โดนแดดแรงให้มันอยู่
- มีเวลาอยู่ร่วมกับมัน และทำกิจกรรมกับมันบ้าง
- มีเด็กๆ สุนัข และแมวตัวอื่นอยู่ภายในบ้าน
- ชอบแมวไร้ขน หมดปัญหาเรื่องขนร่วง
คำถามที่พบบ่อย
- หาซื้อได้ที่ไหน: ในประเทศไทยมีฟาร์มแมว Sphynx หลายเจ้า สามารถลองหาได้ตาม Facebook และ Google
- มันไม่มีขนเพราะปัญหาสุขภาพหรือ: มันเกิดจากการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพ
เรื่องเจ้าเหมียวที่คุณอาจจะชอบ
อ่านเรื่องไหนต่อดี
โดโก อาร์เจนติโน (Dogo Argentino) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแลสุนัข
15 สายพันธุ์สุนัขที่เหมาะกับผู้สูงวัย ที่ดูแลง่ายและยังน่ากอดอีกด้วย
นกหงส์หยก (Parakeet) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแลนกตัวจิ๋ว
10 อาหารลูกสุนัข ยี่ห้อไหนดีและช่วยให้น้องเติบโตอย่างแข็งแรง ปี 2023
110+ ชื่อสุนัขสีน้ำตาล ที่ฟังดูเข้ากันกับสีขนของเจ้าตูบ
ผลไม้ที่สุนัขกินได้ แถมยังดีต่อสุขภาพของน้องด้วย
110+ ชื่อสุนัขสีขาว ที่เข้ากันกับขนขาวสะอาดของเจ้าตูบ
10 อาหารสุนัขปั๊ก ยี่ห้อไหนดีและช่วยดูแลรูปร่างของน้อง ปี 2023