เจแปนนีส สปิตซ์ (Japanese Spitz) เป็นสายพันธุ์สุนัขตัวเล็ก ที่มีดวงตากลมโต และขนสีขาวนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ แถมยังมีนิสัยที่ดีมากๆ อีกด้วย หลายๆ ท่านคงสนใจที่จะรับมันมาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวไม่น้อย ดังนั้น มาทำความรู้จักมันให้มากขึ้นในบทความนี้กัน
ข้อมูลทั่วไปของเจแปนนีส สปิตซ์
- ขนาดตัว: เล็ก
- ความสูง: 30-34 ซม.
- น้ำหนัก: 5 – 9 กก.
- อายุขัย: 10 – 16 ปี
- ความยาวขน: ยาว
- ความฉลาด: ค่อนข้างฉลาด
- ถิ่นกำเนิด: ประเทศญี่ปุ่น 🇯🇵
- การเอาใจใส่ตัวสุนัข: มาก
- ปริมาณการผลัดขน: ปานกลางถึงสูง
- ลักษณะเฉพาะ: ตัวเล็กสีขาว ขนปุกปุย จมูกดำ ดวงตากลมโต ปากเล็กแหลม หูตั้ง หางม้วนที่เต็มไปด้วยขนฟูฟ่อง
ประวัติของเจแปนนีส สปิตซ์
สุนัขสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดในช่วงปี ค.ศ.1920 ถึง 1930 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมันเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขสายพันธุ์ Spitz หลากหลายตัวจากประเทศต่างๆ เช่น จีน แคนาดา สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย การพัฒนาสายพันธุ์นั้นดำเนินไปหลายสิบปี จนในที่สุดมันก็ออกมาเป็นสุนัขที่มีขนนุ่มฟูสีขาวที่ชื่อว่า Japanese Spitz ที่พวกเรารู้จักกัน ในช่วงปี ค.ศ.1950 สุนัขสายพันธุ์นี้ได้ถูกส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น สวีเดน อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งนั่นก็ทำให้มันเริ่มเป็นที่รู้จักทั่วโลก มันยังไม่ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการจากสโมสร American Kennel Club (AKC) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าหน้าตาของมันมีความคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์ American Eskimo เป็นอย่างมาก
ในปัจจุบัน สุนัขสายพันธุ์นี้เริ่มค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่สิบปีมันอาจจะขึ้นแท่นหนึ่งในสุนัขที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดในโลกก็มีความเป็นไปได้
ลักษณะนิสัยของเจแปนนีส สปิตซ์
มันเป็นสุนัขที่มีความเป็นมิตร ไม่ก้าวร้าว อ่อนโยน ใจดี น่ารัก สามารถผูกมิตรกับผู้คนรอบข้างและสุนัขตัวอื่นๆ ได้ดี มันมีความขี้เล่น สามารถเล่นเป็นเพื่อนคลายเหงาให้กับคุณได้ นอกจากนี้ยังมีความรักเจ้าของและสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ชอบที่จะได้รับความใจ ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับพวกเขา
มันเป็นสุนัขที่มีความหวงเขตแดนของตนเองอยู่บ้าง ถ้ามันพบเจอคนแปลกหน้าที่พยายามจะเข้าใกล้อาณาเขตของมัน มันก็จะเห่าเสียงดังเพื่อขับไล่คนแปลกหน้าให้ออกห่างจากพื้นที่ของตน เพราะเหตุนี้มันจึงสามารถนำมาเฝ้าบ้านได้
ความหลากหลายของสีสุนัข
สีตา
สุนัขสายพันธุ์แท้จะมีตาโทนสีดำ
สีขน
มันเป็นสุนัขที่มีสีเดียวเท่านั้น นั่นคือสีขาว
ความเป็นมิตรของเจ้าตูบที่มีต่อเด็ก และสัตว์เลี้ยง
มันเป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีความเป็นมิตรกับสมาชิกในครอบครัวเป็นอย่างมาก รวมถึงเหล่าเด็กๆ เล็กใหญ่ในบ้านอีกด้วย มันมีความขี้เล่น มันจึงเป็นเพื่อนเล่นให้กับเด็กๆ ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้เจ้าของสุนัขก็ควรบอกให้เด็กๆ เล่นกับสุนัขด้วยความระวังสักนิด อย่งเล่นหนักมือกับสุนัขจนเกินไป เพราะมันอาจจะทำให้สุนัขได้รับบาดเจ็บ เพราะว่ามันค่อนข้างตัวเล็กบอบบาง
มันสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เช่น แมว ที่อยู่กับมันมาตั้งแต่เป็นลูกสุนัขได้ดีมากเช่นกัน สามารถนอนด้วยกัน กินด้วยกัน อย่างไม่มีปัญหาอะไรมากนัก สามารถเล่นเป็นเพื่อนด้วยกันได้ดีอีกด้วย แต่ถ้าเป็นเด็กคนใหม่หรือสัตว์ตัวใหม่ที่พึ่งจะเข้ามาในบ้าน มันต้องใช้เวลาสักนิดในการทำความคุ้นชินและปรับตัวเข้าหากัน แล้วจึงค่อยนำพวกเขามาใช้ชีวิตร่วมกัน
การดูแลเจแปนนีส สปิตซ์
การดูแลด้านการออกกำลังกาย
มันเป็นสุนัขที่จำเป็นต้องออกกำลังกายบ้างเล็กน้อย คุณควรจะมีเวลาในการพาเจ้าตูบไปเดินเล่น วิ่งเล่นออกกำลังกายบ้าง หรือไม่ก็ให้มันเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เช่น วิ่งเล่นกับมัน ประมาณ 20-30 นาทีต่อวันก็เพียงพอแล้ว เพื่อช่วยปลดปล่อยพลังงานในตัวสุนัข ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเครียดให้สุนัข และเพื่อให้สุนัขมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และห่างไกลจากปัญหาสุขภาพหลายๆ อย่าง
การดูแลเรื่องการเข้าสังคมและการฝึกสอน
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมิตรอยู่แล้ว แต่เราควรฝึกการเข้าสังคมให้มันบ้าง ไม่ควรล่ามหรือกักบริเวณมันไว้ในที่แคบๆ ทั้งวันโดยไม่สนใจมันเลย เพราะมันอาจจะทำให้สุนัขเครียด เก็บกด ขี้อาย และเข้ากับคนอื่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร คุณควรพามันไปทำความรู้จัก และทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่ที่มันยังเป็นลูกสุนัข เพื่อให้มันรู้สึกคุ้นเคยและรักใคร่กับคนในครอบครัว รวมถึงให้มันไปพบปะกับผู้คนแปลกหน้า สุนัขตัวอื่น และสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นตั้งแต่มันยังเป็นลูกสุนัขอยู่เสมอ เพื่อฝึกทักษะในการเข้าสังคมให้มัน มีส่วนช่วยให้มันสามารถเปิดใจรับเพื่อนใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นในอนาคต และสามารถอยู่ร่วมกับพวกเขาได้ ส่วนเรื่องการฝึกสอน มันเป็นสุนัขที่ฉลาดเฉลียวอยู่แล้ว ถ้ามันได้รับการฝึกสอนตั้งแต่เด็กมันจะจดจำไวพอสมควร
เรื่องการดูแลขนและความสะอาด
มันเป็นสุนัขที่ขนยาว จึงควรนำที่แปรงขนมาแปรงขนให้มันบ้าง เพื่อกำจัดขนตายที่ติดอยู่ในตัวมัน เอาสิ่งสกปรกในขนของมันออกมา และให้ขนของมันไม่พันกันเป็นกระจุก สักสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว หมั่นทำความสะอาดรอบดวงตาของมันโดยใช้สำลีชุบกับน้ำสะอาดแล้วก็เช็ดรอบดวงตาสุนัขอย่างเบามือ รวมถึงมีการดูแลความสะอาดใบหู ฟัน และอาบน้ำให้สุนัขบ้างเป็นครั้งคราว ความบ่อยก็ขึ้นอยู่กับความสกปรกของสุนัข ถ้ามันชอบไปนอนกลิ้งกับสิ่งสกปรกก็ควรอาบน้ำมันให้บ่อยกว่าปกติ
การดูแลเรื่องสุขภาพโดยรวม
ประเทศไทยที่เราอยู่มีอุณหภูมิที่สูงมาก เราจึงต้องระวังเรื่องฮีทสโตรกในสุนัข วิธีป้องกันเบื้องต้น คือ เราควรให้สุนัขอยู่ในที่ที่อากาศไม่ร้อน มีอากาศถ่ายเท ไม่อบอ้าว ไม่มีแดดส่องลงมากระทบสุนัขตรงๆ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขวิ่งเล่นเยอะเกินไปในช่วงกลางวัน มีน้ำดื่มให้มันมากพอ ไม่ทิ้งสุนัขไว้บนรถยนต์ร้อนๆ และเลือกช่วงเวลาในการพาสุนัขออกไปเล่นนอกบ้านให้ดี
คอยควบคุมรูปร่าง และน้ำหนักตัวของสุนัขให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอยู่เสมอ เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน ด้วยการพาเจ้าตูบไปวิ่งเล่นและออกกำลังกาย อีกส่วนนึงคือการควบคุม เอาใจใส่คุณภาพและปริมาณอาหารของสุนัขให้ดี เลือกประเภทอาหารที่เหมาะสมกับตัวสุนัข จะเป็นการทานแบบบาร์ฟ (Barf) อาหารปกติทั่วไป หรือจะเป็นอาหารแบบเม็ดหรือแบบเปียกสำหรับสุนัขก็ได้ ถ้าเป็นอาหารทั่วไปก็ควรเป็นอาหารที่ดี มีประโยชน์ เช่น เนื้อไก่ ตับ ไข่ไก่ มาคลุกกับข้าวเปล่า โดยไม่ใส่เกลือหรือเครื่องปรุงใดๆ เพิ่มเข้าไป สามารถให้ผักและผลไม้ชนิดที่สุนัขทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าเป็นอาหารสำหรับสุนัขก็สามารถเลือกสูตรที่เหมาะสมกับสุนัขของคุณได้เลย เช่น สูตรสุนัขเล็ก
โรคภัยต่างๆ ที่อาจพบใน Japanese Spitz
- โรคสะบ้าเคลื่อน (Patellar Luxation): มันเป็นโรคที่มันจะพบเจอในสุนัขตัวเล็ก เราสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคนี้ให้เจ้าตูบได้ โดยการควบคุมน้ำหนักตัวของมันให้อยู่ในมาตรฐาน ด้วยการเอาใจใส่เรื่องอาหารการกินของสุนัขให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะกับขนาดตัว ไม่ให้มันทานตามใจปาก และหมั่นพามันไปออกกำลังกาย ทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงคอยระวังไม่ให้สุนัขได้รับแรงกระแทกแรงๆ ที่ขา เช่น การตกจากที่สูง
- โรคจอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy): เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาพบเจอในสุนัขหลายสายพันธุ์ อาการที่สามารถสังเกตได้ คือ สุนัขดูมองไม่ค่อยเห็นในที่มืด และมักจะเดินชนสิ่งรอบข้างอยู่บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเจอโรคภัยอื่นๆ อีก เช่น
- ต้อกระจก(Cataract): สามารถเกิดขึ้นได้ในสุนัขทุกช่วงอายุ
- กระจกตาเสื่อม (Corneal Degeneration/ Dystrophy): วิธีสังเกตก็คือ มันจะมีจุดเล็กๆ สีขาว ในกระจกตา พบได้บ่อยในสุนัขวัยชรา
- โรคข้อศอกเสื่อม (Elbow Dysplasia)
- โรคอ้วน (Obesity)
- โรคลำไส้อักเสบ (Canine Parvo Virus)
- โรคพยาธิหนอนหัวใจ (Heartworm)
- โรคผิวหนังอักเสบเป็นหนองในสุนัข (Pyoderma)
- โรคพิษสุนัขบ้า (Riabies)
- กลากเกลื้อน (Ringworm)
- ฟันผุ (Tooth decay)
- โรคเบาหวาน (Diabetes)
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเจ้า Japanese Spitz
- มีความเป็นมิตรสูง
- ต้องการการดูแลเรื่องขนเป็นประจำ
- ไม่ซุกซนมากเกินไป
- เป็นสุนัขที่รักและชอบอยู่ใกล้ๆ เจ้าของ
- มีความขี้เล่น
- เสียงเห่าของมันดังมากๆ
Japanese Spitz เหมาะกับผู้ที่
- มีพื้นที่ในการเลี้ยงสุนัขน้อย
- ชอบสุนัขที่เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย
- มีเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน
- ชอบสุนัขตัวเล็ก
- มีเวลาดูแลขนมัน และอยู่ร่วมกับมันเป็นประจำ
คำถามที่พบบ่อย
- เลี้ยงในหอพักได้ไหม: เหมาะกับการเลี้ยงในหอพัก
- ดุไหม: ไม่ค่อยดุ
- เลี้ยงกับแมวได้ไหม: สามารถเลี้ยงกับแมวได้ดีมาก
- เลี้ยงกับเด็กได้ไหม: เลี้ยงกับเด็กได้ดีมาก
- เฝ้าบ้านได้ไหม: พอเห่าเฝ้าบ้านได้
- เหมาะกับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ไหม: มันไม่ใช่สุนัขที่เหมาะกับคนเป็นภูมิแพ้มากนัก
เรื่องเจ้าตูบที่คุณอาจจะชอบ
อ่านเรื่องไหนต่อดี
100+ ชื่อสุนัขจากผลไม้และผัก ทั้งในภาษาไทยและอังกฤษ
ฟริสบี้ จานร่อนสุนัข แบบไหนดีและมีความทนทาน ปี 2023
แอฟริกันเกรย์ (African grey) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแลนกแก้ว
นกแก้วไคท์ (Caique Parrot) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแลนก
9 เตียงสุนัข ที่นอนสุนัข แบบไหนดีและคนชอบใช้บ้าง ปี 2023
8 ชามข้าวสุนัข แบบไหนดีและคนชอบใช้บ้าง ปี 2023
10 อาหารสุนัขโตเต็มวัย ยี่ห้อไหนดีและรีวิวปัง ปี 2023
นอร์วีเจียน ลาวด์ฮุนด์ (Norwegian Lundehund) ข้อมูล และลักษณะนิสัย