เฟรนช์ บูลด็อก (French bulldog) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแลสุนัข

แชร์ได้เลยที่ปุ่มด้านล่าง

เฟรนช์ บูลด็อก (French bulldog) เป็นสายพันธุ์บูลด็อกที่คนอยากเลี้ยงมากที่สุด เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก แถมยังมีเสน่ห์ตรงหน้าย่นๆของมันกับหูตั้งๆที่แสนจะน่ารัก วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักมันให้มากขึ้นกัน

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

ข้อมูลทั่วไป
ประวัติ
ลักษณะนิสัย
สายพันธุ์ของบูลด็อกและความหลากหลายของสี
ความเป็นมิตรต่อเด็ก และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
การดูแลเฟรนช์ บูลด็อก
โรคภัยต่างๆ ที่อาจพบ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสุนัขสายพันธุ์นี้
เฟรนช์บูลด็อก เหมาะกับผู้ที่
คำถามที่เจอบ่อย

ข้อมูลทั่วไปของเฟรนช์ บูลด็อก

ขนาดตัว: ค่อนข้างเล็ก
ความสูง: 28-31 ซม.
น้ำหนัก: 8 – 12.8 กิโลกรัม
ลักษณะเฉพาะ: ปากสั้น หน้าค่อนข้างย่น ดูหน้าบึ้ง ตัวเล็ก หูตั้ง
ความยาวขน: สั้น
อายุขัย: 10-14 ปี
ปริมาณการผลัดขน: ปานกลาง
ความฉลาด: ปานกลาง
ถิ่นกำเนิด: อังกฤษ ฝรั่งเศษ

ประวัติของ French bulldog

French bulldog นั้นถูกพัฒนามาจาก English bulldog โดยทำให้มันมีขนาดเล็กลง โดยที่สายพันธุ์บูลด็อกขนาดเล็กนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ช่างทอผ้าในเมือง Nottingham ในประเทศอังกฤษ และช่างทอผ้าเหล่านี้ก็นำสุนัขสายพันธุ์นี้ติดไม้ติดมือไปประเทศฝรั่งเศษอีกด้วย และด้วยเสน่ห์ของมัน มันเลยถูกแพร่พันธุ์ในประเทศฝรั่งเศษอย่างรวดเร็วและได้รับชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า Frenchie นั่นเอง

ลักษณะนิสัยของเฟรนช์บูลด็อก

สุนัขสายพันธุ์นี้เหมาะที่จะนำมาเลี้ยงเป็นสุนัขครอบครัว มันมีนิสัยใจดี เป็นมิตร ไม่ดุร้าย แต่ว่ามันเป็นสุนัขพลังงานไม่สูงและไม่แอคทีฟมากนัก มันจึงไม่ได้ต้องการการวิ่งเล่นออกกำลังกายหลายชั่วโมง แต่มันก็มีอารมณ์ขี้เล่นและชอบหยอกล้อกับเจ้าของและสมาชิกคนอื่นในครอบครั้งบ้างเป็นบางครั้ง

มันเป็นสุนัขที่ชอบเข้าสังคม ชอบให้มีเจ้าของและผู้คนอยู่ด้วยตลอดเวลา ชอบใช้เวลาอยู่กับผู้ขนรอบข้าง ดังนั้น คุณควรจะมีเวลาให้กับสุนัขพันธุ์นี้บ้าง เพื่อทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับเจ้าตูบจอมขี้เหงา

นอกจากนี้มันยังเป็นสุนัขที่ค่อนข้างรักสงบ ง่ายๆ สบายๆ ไม่ค่อยจะเห่าสักเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าจะเจออะไรที่แปลกตาหรืออะไรที่มันกลัวจริงๆ จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบสุนัขที่ชอบเห่าทั้งวันจนรบกวนผู้อื่น

คลิปความน่ารักของมัน

สายพันธุ์ย่อยของบูลด็อกและความหลากหลายของสี

สายพันธุ์ย่อย

English bulldog: ลักษณะคือตัวดูตันๆ เหมือนถังแก๊ส หัวโต ลองนึกภาพ “เจมส์” ในขำกลิ้งลิงกับหมาดูสิ ประมาณนั้นเลย
French bulldog: คือสายพันธุ์ในบทความนี้นี่เอง มันเป็นบูลด็อกสายพันธุ์ที่เล็กที่สุด และเป็นที่นิยมอย่างมาก
American bulldog: ลักษณะจะมีกล้ามเนื้อเยอะ แต่หุ่นผอมเพรียวกว่า English bulldog

นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์บูลด็อกแยกย่อยอื่นๆ สามารถดูได้เลยที่ลิงค์ด้านล่าง

สายพันธุ์ต่างๆของบลูด็อก

ความหลากหลายของสีสุนัข

สีตา

เฟรนช์ บูลด็อกพันธุ์แท้จะมีตาโทนสีดำ หรือน้ำตาล

สีขน

มีหลากหลายสีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสีโทนน้ำตาลทั้งหลาย เช่น สีครีม สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลปกติ นอกจากนี้ยังมีสีขาวล้วน สีเทา และสีดำอีกด้วย ส่วนมากจะมีสีขาวแซมบริเวณอก

ตัวอย่างสีและลายของมัน

ความเป็นมิตรของเฟรนช์บูลด็อกที่มีต่อเด็ก และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

จากการจัดอันดับของ American Kennel Club มันเป็น 1 ใน 10 สายพันธุ์สุนัขที่เหมาะสมกับการเลี้ยงในบ้านกับเด็กๆ มากที่สุด เนื่องจากมันมีความรักเด็ก เป็นมิตรต่อเจ้าของและมนุษย์คนอื่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ มันสามารถเข้ากับเด็กๆที่บ้านคุณได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังสามารถเข้ากันได้กับสัตว์เลี้ยงอื่นๆได้ดี เนื่องจากนิสัยที่ชอบอยู่ร่วมกับผู้อื่น มันจึงแทบจะไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นและเด็กๆเลย

การดูแลเฟรนช์บูลด็อก

การดูแลด้านการออกกำลัง

มันเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายมาก อย่างไรก็ตาม เราควรมีเวลาเพื่อพามันไปเดินเล่นออกกำลังกายนอกบ้านสักหน่อย จะเป็นบริเวณหน้าบ้าน สวนสาธารณะหรือที่อื่นก็ได้ เป็นการพาเดินเบาๆหรือวิ่งจ๊อกกิ้งสักครึ่งชั่วโมงต่อวันก็เพียงพอแล้วเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของเจ้าตูบ แต่ว่าไม่ควรให้สุนัขพันธุ์นี้ออกไปเดินเล่นหรือวิ่งในช่วงตอนเที่ยง ตอนบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนและแดดแรงของวันเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อนต้องระวังอย่างมาก เพราะว่าสุนัขในตระกูลบลูด็อกนั้นสามารถเป็นฮีทสโตรกได้ง่ายกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ คุณควรเลือกเวลาในการวิ่งเล่นออกกำลังกายที่แดดไม่แรงและไม่ร้อน เช่น ตอนเช้า ตอนเย็น

ฮีทสโตรกในสุนัข

การดูแลเรื่องการเข้าสังคมและการฝึกสอน

การฝึกสุนัขให้เข้าสังคมเป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนให้กับสุนัขหลายๆ สายพันธุ์ เราไม่ควรให้มันอยู่ตัวคนเดียวในที่แคบๆ ทั้งวัน เพราะมันอาจจะเก็บกด กลายเป็นสุนัขที่รักสันโดษ และเข้ากันได้ไม่ค่อยดีกับผู้อื่น เราควรพามันออกไปพบปะผู้คนใหม่ สมาชิกคนอื่นภายในบ้าน และสุนัขตัวอื่นตั้งแต่มันยังเล็ก จะทำให้มันเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมกับผู้อื่น ซึ่งจะทำให้มันสามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ส่วนเรื่องการฝึกสอน มันอาจจะไม่ใช่สุนัขที่เรียนรู้ได้ไวนัก การมีสิ่งล่อตาล่อใจอย่างขนมชิ้นโปรดของมันจะทำให้การฝึกสอนมันนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น

เรื่องการดูแลขนและความสะอาด

ถึงแม้ว่าขนของมันจะสั้นเตียน แต่มันก็มีช่วงที่มันผลัดขนบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งคุณก็ควรนำแปรงมาหวีนาให้มันบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อช่วยมันกำจัดขนตายที่ติดค้างอยู่ในตัวมันออกมาให้หมด ส่วนเรื่องความสะอาด เราควรคอยเช็ดใบหู ใบหน้า และรอบดวงตาของมันเป็นประจำ รวมถึงมีการตัดเล็บ แปรงฟัน และอาบน้ำให้มันบ้าง ความถี่ก็ขึ้นอยู่กับความสกปรกมอมแมมของเจ้าตูบ

ด้านสุขภาพโดยรวม

เราควรให้สุนัขอยู่ในที่ที่อากาศไม่ร้อน อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีแดดส่อง และมีน้ำดื่มมากพอ เพื่อป้องกันการเกิดฮีทสโตรกในสุนัขในวันที่อากาศร้อนจัด และห้ามลืมสุนัขไว้บนรถร้อนๆ เด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้มันเป็นลดแดดจากอากาศที่ร้อนจนเกินไป

พยายามควบคุมรูปร่าง และน้ำหนักตัวของสุนัขให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเพื่อป้องกันโอกาสการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม เป็นต้น ด้วยการพาเจ้าตูบไปวิ่งเล่นหรือเดินจ๊อกกิ้งเบาๆ อีกส่วนนึงคือการควบคุมและเอาใจใส่คุณภาพปริมาณอาหารของสุนัขให้ดี ถ้าเป็นอาหารทั่วไป ก็ควรให้อาหารที่ไม่ได้ปรุงแต่งเครื่องปรุงใดๆ เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู ไข่ไก่ ผักและผลไม้ชนิดที่สุนัขทานได้ และอื่นๆ ถ้าเป็นอาหารสำหรับสุนัขก็สามารถเลือกสูตรที่เข้ากับสุนัขของตนเองได้เลย อย่าลืมที่จะให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดตัวสุนัข

อาหารที่สุนัขห้ามทาน

โรคภัยต่างๆ ที่อาจพบใน French bulldog

โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia): เป็นปัญหาสุขภาพที่สุนัขหลายสายพันธุ์มักจะเจอ เราสามารถลดโอกาสการเกิดโรคนี้ให้สุนัขได้โดยการควบคุมน้ำหนักสุนัขให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ด้วยการคุมปริมาณและคุณภาพของอาหารให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี และการพาสุนัขออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายเป็นครั้งคราวในปริมาณที่พอเหมาะ
โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติ (Brachycephalic airway syndrome): เป็นปัญหาสุขภาพที่มักจะพบเจอในสุนัขที่มีใบหน้าสั้น อาการที่สามารถบ่งบอกว่าสุนัขอาจจะเป็นโรคนี้ คือ สุนัขหายใจเข้าออกเสียงดังผิดปกติ สุนัขดูเหนื่อยง่าย นอนกรนเสียงดัง และดูมีความลำบากในการหายใจ ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง (Skin Problem): มันมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพต่างๆ เกี่ยวกับผิวหนัง เนื่องจากว่ามันมีผิวที่แพ้ค่อนข้างง่าย การดูแลรักษาผิวของมันให้สะอาดและไม่อับชื้นจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเจอโรคภัยอื่นๆ อีก เช่น

กระจกตาเสื่อม: วิธีสังเกตุก็คือ มันจะมีจุดเล็กๆ สีขาว ในกระจกตา
โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ: มักพบในสุนัขที่มีหน้าสั้น
กระดูกสันหลังพิการแต่กำเนิด
ต้อกระจก(Cataract): สามารถเกิดขึ้นได้ในสุนัขทุกช่วงอายุ
กระจกตาเสื่อม (Corneal Degeneration/ Dystrophy): วิธีสังเกตุก็คือ มันจะมีจุดเล็กๆ สีขาว ในกระจกตา พบได้บ่อยในสุนัขวัยชรา
โรคลมแดด (Heatstroke): เกิดจากร่างกายของสุนัขระบายความร้อนที่สูงไม่ได้
โรคอ้วน (Obesity)
โรคลำไส้อักเสบ (Canine Parvo Virus)
จอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy)
โรคข้อศอกเสื่อม (Elbow Dysplasia)
โรคหัดสุนัข (Canine Distemper)
โรคเบาหวาน (Diabetes)