อิงลิช บูลด็อก (English Bulldog) ข้อมูล นิสัยและการดูแลสุนัขจอมขี้เกียจ

อิงลิช บูลด็อก
แชร์ได้เลยที่ปุ่มด้านล่าง
อิงลิชบูลด็อก เป็นสุนัขที่มีหน้าตาค่อนข้างน่ากลัว แถมร่างกายก็ดูกำยำ หลายๆคนจึงกลัวสุนัขพันธุ์นี้เพราะคิดว่ามันคงจะดุมาก แต่ว่าสุนัขพันธุ์นี้ใจดีกว่าที่คุณคิดมาก ไปทำความรู้จักมันให้มากขึ้นในบทความนี้กันเถอะ

ข้อมูลทั่วไปของอิงลิช บูลด็อก

  • ขนาดตัว:  ปานกลาง
  • ความสูง:  31-38 ซม.
  • น้ำหนัก:  20 – 25 กิโลกรัม
  • ลักษณะเฉพาะ:  ปากสั้น หน้าค่อนข้างย่น ดูหน้าบึ้ง ตัวเตี้ย ล่ำบึ๊ก
  • ความยาวขน: สั้น
  • อายุขัย:  8-10 ปี
  • ปริมาณการผลัดขน: ปานกลาง
  • ความฉลาด:  ปานกลาง
  • ถิ่นกำเนิด:  อังกฤษ

ประวัติของ English Bulldog

จากข้อมูลของ American Kennel Club สุนัขสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากเกาะในประเทศอังกฤษ เนื่องจากร่างกายที่กำยำของมัน ในอดีตเขาจึงใช้สุนัขพันธุ์นี้สำหรับกีฬาต้อนวัว (Bull Baiting) จึงเป็นที่มาของชื่อมัน นั่นคือ Bull=วัว Dog=สุนัข นั่นเอง  ในภายหลัง กีฬาดังกล่าวถูกสั่งห้ามเนื่องจากว่ามันโหดร้ายมากเกินไปต่อสุนัข สุนัขสายพันธุ์นี้จึงได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์ให้เหมาะสำหรับการเลี้ยงในบ้านมากกว่าเดิม สายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการโดย American Kennel Club (AKC) ในปี ค.ศ.1890 และสายพันธุ์นี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ในยุคปัจจุบัน มันก็ยังได้รับความสนใจจากผู้คนอยู่ ผู้คนมักจะเลี้ยงมันเป็นสุนัขเลี้ยงสำหรับครอบครัว

ลักษณะนิสัยของบูลด็อก

สุนัขสายพันธุ์นี้เหมาะที่จะนำมาเลี้ยงเป็นสุนัขครอบครัว เนื่องจากว่ามันมีนิสัยใจดี เป็นมิตร ไม่ดุร้าย ซึ่งขัดแย้งกับหน้าตาอันบึ้งตึงของมันมาก แต่ว่ามันเป็นสุนัขที่ไม่ค่อยแอคทีฟนัก ค่อนข้างขี้เกียจซะมากกว่า มันจะชอบการนอนแผ่ในที่เย็นๆ มากกว่าการออกไปวิ่งเล่นระเบิดพลังเหมือนกับสุนัขหลายๆสายพันธุ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เล่นกับผู้คนและสุนัขตัวอื่นเลย มันก็เล่นบ้างเป็นครั้งคราว 
 
ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นสุนัขที่สอนยากสักนิดนึง เนื่องจากความไม่ค่อยสนโลกและความขี้เกียจของมัน เจ้าของอาจจะต้องใช้ความพยายามสักนิดในการที่จะสอนอะไรบางอย่างให้มัน หากนึกภาพไม่ออก คุณเคยดูปังคุงและเจมส์ไหม ที่เป็นลิงกับหมาที่ออกผจญภัยในสถานที่ต่างๆในประเทศญี่ปุ่น เจมส์ที่เป็นสุนัขก็เป็นสายพันธุ์อิงลิชบูลด็อกเช่นกัน นิสัยมันก็จะค่อนข้างขี้เกียจประมาณนั้นเลย
 
นอกจากนี้มันยังเป็นสุนัขที่ค่อนข้างรักสงบ ไม่ค่อยจะเห่าสักเท่าไหร่ มักจะนอนเฉยๆเงียบๆ มากกว่า จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบสุนัขที่ชอบเห่าส่งเสียงดังเป็นประจำ

สายพันธุ์ย่อยของบูลด็อกและความหลากหลายของสี

สายพันธุ์ย่อยของ Bulldog

  1. English bulldog: ลักษณะคือตัวดูตันๆ เหมือนถังแก๊ส หัวโต ลองนึกภาพ “เจมส์” ในขำกลิ้งลิงกับหมาดูสิ ประมาณนั้นเลย
  2. French bulldog: เป็นบูลด็อกสายพันธุ์ที่เล็กที่สุด เป็นที่นิยมอย่างมาก
  3. American bulldog: ลักษณะจะมีกล้ามเนื้อเยอะ แต่หุ่นดูผอมเพรียวกว่า English bulldog
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์บูลด็อกแยกย่อยอื่นๆ สามารถดูได้เลยที่ลิงค์ด้านล่าง

ความหลากหลายของสีสุนัข

สีตา

อิงลิชบูลด็อกพันธุ์แท้จะมีตาโทนสีดำ หรือน้ำตาล

สีขน

มีหลากหลายสี เช่น สีโทนน้ำตาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สีครีม สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลช็อกโกแลต สีน้ำตาลปกติ นอกจากี้ยังมีสีขาวล้วน สีเทา และสีดำอีกด้วย ส่วนมาจะมีสีขาวแซมบริเวณอก

ความเป็นมิตรของอิงลิชบูลด็อกที่มีต่อเด็ก และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

มันได้รับการจัดอันดับจาก American Kennel Club ว่าเป็น 1 ใน 10 สายพันธุ์สุนัขที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงในบ้านกับเด็กๆ เนื่องจากมันมีความเป็นมิตรต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ มันสามารถเข้ากับลูกๆที่บ้านคุณได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้มันยังสามารถเข้ากันได้กับสัตว์เลี้ยงอื่นๆได้ อย่างไรก็ตาม ควรให้เวลามันได้ทำความคุ้นเคย ทำความรู้จักกับเด็กหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ สักนิดก่อนที่จะให้มาอยู่ด้วยกันและเล่นด้วยกันจะดีกว่า

การดูแลอิงลิชบูลด็อก

การดูแลด้านการออกกำลังกาย

บูลด็อกเป็นสุนัขที่ค่อนข้างขี้เกียจ อย่างไรก็ตาม เราควรพามันไปเดินเล่นออกกำลังกายสักหน่อย จะเป็นบริเวณหน้าบ้าน สวนสาธารณะหรือที่อื่นก็ได้ เป็นการพาเดินเบาๆหรือวิ่งจ๊อกกิ้งสักครึ่งชั่วโมงต่อวันก็เพียงพอแล้วเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของเจ้าตูบ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้สุนัขพันธุ์นี้ออกไปเดินเล่นหรือวิ่งในช่วงตอนเที่ยง ตอนบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนและแดดแรงของวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อนต้องระวังอย่างมาก เพราะว่ามันเป็นสุนัขที่สามารถเกิดฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดได้ง่ายกว่าสุนัขหลายๆพันธุ์เนื่องจากเบ้าหน้าที่สั้น ให้พาสุนัขออกไปเดินเล่นในช่วงที่แดดอ่อนๆ แทน เช่น ช่วงเย็น และควรให้สุนัขอยู่ในที่ที่ไม่ร้อน ไม่ตากแดด และอากาศถ่ายเทสะดวก

การดูแลเรื่องการเข้าสังคมและการฝึกสอน

ก็จริงที่ว่ามันเป็นสุนัขที่มีความเป็นมิตรกับผู้คนรอบข้างโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็ควรพามันไปฝึกเข้าสังคมตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เราไม่ควรเลี้ยงมันแบบล่ามหรือขังไว้ในที่แคบๆ ทั้งวัน เพราะมันจะทำให้สุนัขเครียด เก็บกด และเข้ากันกับผู้อื่นไม่ค่อยได้ คุณควรพามันไปพบปะผู้คนใหม่ๆ สุนัขตัวอื่น และคนในบ้านบ้าง เพื่อให้มันมีความเป็นมิตรกับผู้คนและสามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ดีมากขึ้น ส่วนเรื่องการฝึกสอน มันจะค่อนข้างดื้อรั้นและมีความขี้เกียจ ดังนั้น การฝึกสอนอะไรบางอย่างให้มันจึงต้องใช้เวลาและความพยายามในระดับหนึ่ง

เรื่องการดูแลขนและความสะอาด

ท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลขนสุนัขต้องชอบมันแน่นอน เพราะว่ามันมีขนที่สั้น การดูแลขนจึงเป็นสิ่งที่ง่ายมาก แค่คุณมาแปรงขนให้มันบ้างเป็นครั้งคราวก็เพียงพอแล้วล่ะ ส่วนเรื่องความสะอาด เราควรนำผ้าสะอาดมาเช็ดใบหน้า รอบดวงตา และใบหูให้มันบ้าง รวมถึงมีการแปรงฟัน ตัดเล็บ เช็ดน้ำลาย และอาบน้ำให้มันบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อให้สุนัขของคุณสะอาดและดูดีอยู่เสมอ

ด้านสุขภาพโดยรวม

พยายามควบคุมรูปร่าง และน้ำหนักตัวของสุนัขให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเพื่อป้องกันโอกาสการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคอ้วน เป็นต้น ด้วยการหมั่นพาสุนัขไปเดินออกกำลังกายเบาๆ อีกส่วนนึงคือการควบคุมและเอาใจใส่คุณภาพประปริมาณอาหารของสุนัขให้ดี สามารถให้อาหารคนแก่สุนัขได้ แต่ว่าควรจะเป็นอาหารที่ค่อนข้างคลีนและไม่เค็ม เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมูที่ไม่ผ่านการปรุงรส ไข่ไก่ และผักผลไม้บางชนิดในปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดตัวของมัน ถ้าเป็นอาหารสำหรับสุนัขก็ควรเลือกสูตรที่เข้ากับสุนัขของคุณ เช่น อาหารสูตรเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

โรคภัยต่างๆ ที่อาจพบในบูลด็อก

  • โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติ (Brachycephalic airway syndrome): เป็นปัญหาสุขภาพที่มักจะพบเจอในสุนัขที่มีใบหน้าสั้น อาการที่สามารถบ่งบอกว่าสุนัขอาจจะเป็นโรคนี้ คือ สุนัขหายใจเข้าออกเสียงดังผิดปกติ สุนัขดูเหนื่อยง่าย นอนกรนเสียงดัง และดูมีความลำบากในการหายใจ ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia): เป็นปัญหาสุขภาพที่บูลด็อก และสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ มักจะเจอ เราสามารถลดโอกาสการเกิดโรคนี้ให้สุนัขได้โดยการควบคุมน้ำหนักสุนัขให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ด้วยการคุมปริมาณและคุณภาพของอาหารให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี และการพาสุนัขออกไปวิ่งออกกำลังกายเป็นครั้งคราวในปริมาณที่พอเหมาะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง (Skin Problem): มันมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพต่างๆ เกี่ยวกับผิวหนัง การดูแลรักษาผิวของมันให้สะอาดและไม่อับชื้นจะช่วยลดโอกาสที่มันจะพบเจอกับปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง

 

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเจอโรคภัยอื่นๆ อีก เช่น

  • กระจกตาเสื่อม (Corneal Degeneration/ Dystrophy): วิธีสังเกตุก็คือ มันจะมีจุดเล็กๆ สีขาว ในกระจกตา พบได้บ่อยในสุนัขวัยชรา
  • โรคลมแดด (Heatstroke): เกิดจากร่างกายของสุนัขระบายความร้อนที่สูงไม่ได้
  • จอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy)
  • โรคข้อศอกเสื่อม (Elbow Dysplasia)
  • โรคตับอักเสบ (Hepatitis)
  • โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
  • โรคอ้วน (Obesity)
  • โรคลำไส้อักเสบ (Canine Parvo Virus)
  • โรคเบาหวาน (Diabetes)
  • ไตวาย (Kidney Failure)
  • โรคพิษสุนัขบ้า (Riabies)
  • ฟันผุ (Tooth decay)

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเจ้า English bulldog

  • เป็นสุนัขที่ค่อนข้างขี้เกียจ
  • ไม่ค่อยแอคทีพ
  • สอนค่อนข้างยาก        
  • ต้องการการออกกำลังกายบ้างนิดหน่อย
  • เป็นมิตรกับมนุษย์
  • ชอบนอนกรน
  • หน้าดุแต่ใจดี น่ารัก

อิงลิช บูลด็อก เหมาะกับผู้ที่

  • ไม่ชอบเลี้ยงหมาดุ
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอื่นด้วย เช่น แมว
  • ผู้มีมีเด็กอยู่ในบ้าน
  • ชอบหมาที่นิ่งๆ ไม่แอคทีพ
  • มีเวลาพาสุนัขไปเดินเล่นบ้าง

FAQ

  • เลี้ยงในหอพักได้ไหม: พอได้ แต่อาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก
  • ดุไหม: ไม่ค่อยดุ
  • เลี้ยงกับแมวได้ไหม: สามารถเลี้ยงกับแมวได้ปกติ
  • เลี้ยงกับเด็กได้ไหม: ได้
  • เฝ้าบ้านได้ไหม: พอได้ เนื่องจากหน้าตาที่ดุดันของมัน
  • เหมาะกับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ไหม: ไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้

เรื่องเจ้าตูบที่คุณอาจจะชอบ

 Banner Image