หนูตะเภาบอลด์วิน (Baldwin Guinea Pig) มันเป็นหนูตะเภาสายพันธุ์หายากจากแคลิฟอร์เนียที่มีจุดเด่นตรงผิวหนังที่ไร้ขนของน้อง ซึ่งเผยให้เห็นถึงผิวหนังที่มีความย่นเล็กน้อย มาทำความรู้จักน้องให้มากขึ้นกัน
ข้อมูลทั่วไปของหนูตะเภาบอลด์วิน
- น้ำหนัก: 0.8 – 1.1 กก.
- อายุขัย: 5 – 7 ปี
- ความยาวขน: ไม่มีขน หรือแทบไม่มีขน
- ถิ่นกำเนิด: ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ลักษณะเฉพาะ: ตัวมีความกลมและยาว ตัวของน้องจะไร้ขน หรือแทบไม่มีขนเลย จึงทำให้เห็นความย่นของผิวหนังได้ชัดเจนกว่าหนูที่มีขน
ประวัติของหนูตะเภาบอลด์วิน
หนูตะเภาสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดที่รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เพาะพันธุ์หนูตะเภาท่านหนึ่งที่มีชื่อว่า Carol Miller ได้ค้นพบว่าในครอกของหนูตะเภาพันธุ์ White Crested มีลูกหนูตัวหนึ่งที่เกิดการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติจนขนบนตัวของมันหลุดร่วงจนหมดตัว ซึ่งลูกหนูตัวนั้นก็คือหนูตะเภาพันธุ์ Baldwin นั่นเอง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสายพันธุ์หนูตะเภาที่ยังหายากในปัจจุบัน แต่มันก็มีชื่อเสียงมากพอสมควรในต่างประเทศเนื่องจากลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น
ลักษณะนิสัยและความเป็นมิตรของหนูตะเภาบอลด์วิน
หนูตะเภาสายพันธุ์นี้จะมีความขี้เล่น มีชีวิตชีวา เป็นมิตร และชอบเข้าสังคม น้องสามารถทำความคุ้นเคยกับผู้คนและหนูตัวอื่นได้ไว น้องจะมีความสุขเมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์และอยู่ใกล้ๆ กับผู้อื่น เพราะเหตุนี้ น้องจึงเหมาะสำหรับการนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ มันยังเป็นหนูตะเภาที่มีความฉลาด แสนรู้ สามารถเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ความหลากหลายของสีหนูตะเภา
สีตัว
มันเป็นหนูที่มีสีตัวให้เลือกไม่มากนัก เช่น สีดำ, ชมพู, น้ำตาล เป็นต้น หนูบางตัวจะมีสีเดียวทั้งตัว บางตัวจะมี 2 สีในตัว
การดูแลหนูตะเภาบอลด์วิน
การดูแลด้านอาหารการกิน
อาหารหลักของหนูตะเภาบอลด์วินควรเป็นหญ้าแห้งชนิดต่างๆ ซึ่งเราแนะนำให้เป็นหญ้าแห้งทิโมธี สัดส่วนของหญ้าแห้งจะอยู่ที่ 85 – 90% ของปริมาณอาหารทั้งหมด ส่วนอาหารเม็ดเราควรให้น้องทานในสัดส่วนที่น้อยเพื่อเสริมสารอาหารให้น้องเท่านั้น และเราควรเสริมอาหารสดชนิดต่างๆ ให้มันบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อเสริมสารอาหารให้มันบ้างและทำให้มันไม่เบื่ออาหารมากจนเกินไป สามารถให้ผักผลไม้ชนิดต่างๆ ราวๆ 10% ของปริมาณอาหารทั้งหมด เพื่อเสริมวิตามิน เช่น ผักโขม, บรอคโคลี, ผักชีฝรั่ง, แครอท, หน่อไม้ฝรั่ง, แอปเปิ้ล (เอาเมล็ดออกแล้ว), กีวี, เบอร์รี่ มะละกอ และอื่นๆ แต่ทั้งนี้ ผลไม้ควรให้แต่น้อยเนื่องจากว่ามีปริมาณน้ำตาลสูง ถ้าน้องทานอาหารสดไม่หมดภายใน 24 ชั่วโมงก็ควรนำออกมาเปลี่ยนได้แล้ว ไม่ควรให้น้องทานอาหารที่ค้างคืนเหล่านี้เพื่อสุขภาพของตัวน้องเอง แต่ทั้งนี้ มีผักผลไม้บางชนิดที่หนูตะเภาทานไม่ได้ ผู้เลี้ยงจึงต้องศึกษาเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่วันแรกที่รับเลี้ยงหนู
การดูแลผิวหนังและความสะอาด
ผิวหนังของหนูแกสบี้สายพันธุ์นี้ไม่มีขนที่คอยปกป้องผิว ผิวหนังของน้องจึงค่อนข้างบอบบาง น้องไม่สามารถทนแสงแดดและความเย็นได้มากเท่าหนูแกสบี้พันธุ์อื่นที่มีขน และอาจจะมีปัญหาผิวหนังอื่นๆ อีก เช่น ผิวแห้ง ติดเชื้อรา และอื่นๆ เราจึงต้องพยายามให้น้องไม่โดนแสงแดดแรงๆ โดยตรง ให้น้องอยู่ในอุณหภูมิที่กำลังพอดี รวมถึงคอยดูแลความสะอาดของที่อยู่น้องอย่างสม่ำเสมอ
เนื่องจากว่าน้องไร้ขน จึงไม่ต้องการการดูแลเรื่องขน แต่ถ้าหากว่าเนื้อตัวน้องมีความสกปรก ผู้เลี้ยงก็สามารถช่วยน้องทำความสะอาดได้ โดยการนำผ้าขนหนูสะอาดที่ชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดตัวให้น้องอย่างเบามือ
การดูแลเรื่องที่อยู่อาศัย
เราแนะนำว่ากรงที่จะให้หนูตะเภาอยู่ควรมีความยาวประมาณ 100 ซม. หรือมากกว่านี้ กรงที่มีขนาดใหญ่จะส่งผลดีต่อตัวน้อง จึงควรเลือกกรงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่พื้นที่ในบ้านรองรับได้ ที่ตั้งของกรงของน้องนั้นต้องมีอากาศถ่ายเท ไม่มีแดดแรงส่อง ไม่ร้อน ไม่อบอ้าว และไม่อับชื้น ผู้เลี้ยงต้องคอยดูแลรักษาความสะอาดของกรงอยู่เสมอ เราควรมีที่แอบให้น้องอยู่อาศัย เช่น บ้านไม้ หรืออุโมงค์ เพื่อให้น้องรู้สึกปลอดภัย เราแนะนำให้ใช้ขวดน้ำสำหรับหนูแทนจานน้ำ มันจะช่วยให้น้ำไม่หกเลอะเทอะไปทั่วกรงจนอับชื้นไปหมด
การออกกำลังกาย
หนูตะเภาก็ต้องการการออกกำลังกายเหมือนกับสัตว์หลายๆ ชนิดเหมือนกันนะ ถ้าหากว่าเจ้าหนูไม่ได้รับการออกกำลังกายมากพอ มันอาจจะทำให้หนูตะเภาน้ำหนักเกิน และอาจจะมีปัญหาสุขภาพบางอย่างตามมาในภายหลัง เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของน้อง คุณจึงควรมีกรงขนาดใหญ่มากพอที่จะให้น้องวิ่งเล่นไปมา มีถ้ำหนูให้น้องมุดสำรวจ และอาจจะเอาน้องออกมาเล่นในพื้นที่ปลอดภัยข้างนอกกรงบ้างก็ได้ และอย่าลืมที่จะนำของแทะเข้าไปข้างในให้มัน เช่น ของเล่นไม้ ไม้แทะจากธรรมชาติชนิดต่างๆ ลูกวอลนัท และอื่นๆ เพื่อให้น้องแทะเล่นในกรง ซึ่งมีส่วนช่วยลดโอกาสที่ฟันของน้องจะเติบโตและยาวผิดปกติจนเป็นปัญหาในภายหลัง
การฝึกสอน
การที่หนูตะเภาแสดงท่าทางที่ไม่ค่อยไว้ใจคุณเมื่อพบกันครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เนื่องจากว่าน้องยังไม่คุ้นเคยกับคุณและสภาพแวดล้อมรอบตัวของมัน ผู้เลี้ยงจึงต้องให้น้องทำความคุ้นเคยกับที่อยู่ใหม่ของมันสักระยะ แล้วจึงค่อยทำให้น้องคุ้นเคยกับคุณ โดยการนำอาหารวางไว้บนฝ่ามือเพื่อให้น้องเข้าหาคุณและผูกพันกับคุณ การมาให้น้องพบเห็นหน้าบ่อยๆ ก็มีส่วนช่วยเหมือนกันนะ
ปัญหาสุขภาพที่อาจพบใน Baldwin Guinea Pig
- ฟันยาวผิดปกติ (Overgrown Teeth): ฟันของหนูตะเภาบอลด์วินนั้นจะเติบโตขึ้นตลอด ถ้าหากว่ามันไม่ได้ใช้ฟันกัดแทะสิ่งต่างๆ มากพอ มันอาจจะส่งผลให้ฟันของมันยาวกว่าปกติจนเป็นปัญหาสุขภาพ เราจึงควรมีไม้แทะให้มันแทะเล่นในกรง
- กลาก (Ringworm): เกิดจากการที่เจ้าหนูตะเภาติดเชื้อรา อาการที่สามารถสังเกตได้ คือ หนูจะขนร่วงบางส่วน และมีสะเก็ดสีขาวแดงที่บริเวณนั้น ซึ่งมันสามารถแพร่เชื้อไปยังหนูตัวอื่นและมนุษย์ได้ จึงอย่าลืมที่จะแยกหนูออกจากกันและสวมถุงมือเวลาจับมันและพาไปพบสัตวแพทย์
- โรคขาดวิตามิน C (Vitamin C deficiency): สาเหตุเกิดจากการที่หนูขาดวิตามินซี เนื่องจากว่าน้องไม่สามารถผลิตวิตามิน C จากร่างกายตัวเองได้เหมือนสัตว์หลายๆ ชนิด และถ้าหากน้องได้รับวิตามินซีจากอาหารไม่เพียงพอ มันอาจจะทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน ผิวหนังและขนหยาบกร้าน อาหารไม่ย่อย และข้อบวม น้องต้องการปริมาณวิตามินซีราวๆ 10 – 50 มิลลิกรัมต่อวัน จึงนั้นจึงควรเสริมอาหารเม็ดและอาหารสดที่มีวิตามิน C ให้น้อง หรือจะให้อาหารเสริมวิตามิน C สำหรับหนูตะเภาโดยเฉพาะก็ได้
- โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ (Respiratory diseases): ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าไม่ได้รับการรักษาให้ทันท่วงที มันอาจจะนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ปวดบวม ปัจจัยที่ทำให้เจ้าหนูมีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้น คือความแออัดของที่ที่มันอยู่อาศัย ความเครียด อากาศไม่ถ่ายเท อุณหภูมิหนาวเย็นเกินไป และความอับชื้นสูง อาการที่สามารถสังเกตได้คือ หนูจะมีน้ำตาและน้ำมูกไหล เซื่องซึม เบื่ออาหาร หายใจติดขัด และต่อมน้ำเหลืองโต
- ท้องเสีย (Diarrhea): ท้องเสียสามารถเกิดจากหลายๆ ปัจจัย เช่น สุขอนามัยที่ไม่ดี ความเครียด ติดเชื้อแบคทีเรีย และอื่นๆ สาเหตุอีกส่วนหนึ่งมาจากความไม่สมดุลของอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรตมากไป ไฟเบอร์ไม่เพียงพอ ปริมาณผลไม้มากไป และอื่นๆ จึงควรใส่ใจเรื่องการจัดความสมดุลให้เหมาะกับน้อง เพื่อลดโอกาสที่น้องจะท้องเสีย
หนูตะเภาของคุณอาจจะพบเจอกับปัญหาสุขภาพเหล่านี้ได้ ผู้เลี้ยงจึงต้องคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน สภาพความเป็นอยู่ และความสะอาดให้มัน เพื่อลดโอกาสที่มันจะมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง รวมถึงคอยสังเกตและไม่ละเลยอาการผิดปกติต่างๆ ที่แสดงออกมา
Baldwin Guinea Pig เหมาะกับผู้ที่
- มีพื้นที่ที่ไม่มีแดดแรงส่องให้น้องอยู่
- มีเพื่อนหนูตะเภาอีกตัวมาอยู่ร่วมกับมัน
- ชอบหนูที่ดูแลความสะอาดง่าย
- มีเวลามาอยู่ร่วมกันกับน้องบ้าง
- มีความเบามือ ไม่รุนแรงกับสัตว์เลี้ยง
- มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารที่น้องทานไม่ได้
คำถามที่พบบ่อย
- น้องไม่มีขนเพราะปัญหาสุขภาพหรือ: น้องไม่มีขนเพราะการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพ
- น้องไม่มีขนตั้งแต่เกิดเลยหรือ: ไม่ใช่ ในตอนแรกเกิดน้องจะมีขน แต่ขนจะเริ่มร่วงหลุดภายใน 1 สัปดาห์หลังจากนี้
- ต้องดูแลเยอะไหม: มีหลายปัจจัยที่ต้องคอยควบคุมดูแลอยู่เสมอ เช่น เรื่องอุณหภูมิ ความสะอาดของกรง ความเป็นอยู่ และอาหารการกินของน้อง
เรื่องเพื่อนตัวจิ๋วที่คุณอาจจะชอบ
Featured Image Source: Erin Koski, Wikimedia Commons
อ่านเรื่องไหนต่อดี
110+ ชื่อสุนัขสีขาว ที่เข้ากันกับขนขาวสะอาดของเจ้าตูบ
นกแก้วหัวเหยี่ยว (Hawk Headed Parrot) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแล
ที่นอนสุนัข DIY ทำเองง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้
7 ที่ตักอึ ที่เก็บอึสุนัข แบบไหนดีและใช้งานง่าย ปี 2023
หนูตะเภาเปรู (Peruvian Guinea Pig) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแล
11 สายพันธุ์สุนัขที่ขนร่วงน้อย หมดปัญหาเรื่องการเก็บกวาดขน
หนูตะเภาซิลกี้ (Silkie Guinea Pig) ข้อมูล ลักษณะนิสัยและการดูแล
12 สายพันธุ์สุนัขที่ไม่ซนมากจนเกินไป แถมยังน่ารักอีกด้วย