นกแก้วออสเตรเลียนคิง (Australian king parrot) นิสัยและการดูแล

แชร์ได้เลยที่ปุ่มด้านล่าง

นกแก้วออสเตรเลียนคิง (Australian king parrot) มันเป็นนกแก้วจากประเทศออสเตรเลียที่มีขนสีแดงตัดกับสีเขียวสวยงาม มาพร้อมกับความอ่อนหวานที่จะทำให้คุณหลงรัก มาทำความรู้จักกับมันกัน

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

ข้อมูลทั่วไป
ประวัติ
ลักษณะนิสัยและความเป็นมิตร
ความหลากหลายและสีขนนก
การดูแลนก
ปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่อาจพบ
Australian king parrot เหมาะกับผู้ที่
คำถามที่พบเจอบ่อย

ข้อมูลทั่วไปของนกแก้วออสเตรเลียนคิง

น้ำหนัก: 195 – 280 กรัม
อายุขัย: 25 – 30 ปี
ความฉลาด: ฉลาดพอสมควร
ความยาวตัว: 40 – 45 ซม.
ถิ่นกำเนิด: ประเทศออสเตรเลีย 🇦🇺
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Alisterus scapularis

ประวัติของนกแก้วออสเตรเลียนคิง

นกแก้วสายพันธุ์นี้ถูกอธิบายลักษณะเป็นครั้งแรกโดยนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันท่านหนึ่งที่มีชื่อว่า Martin Lichtenstein ในปี ค.ศ. 1818 มันมีถิ่นกำเนิดที่แถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย รวมถึงเกาะนิวกินี (New Guinea) อีกด้วย จะสามารถพบเห็นมันที่บริเวณป่าไม้ บริเวณที่มีต้นยูคาลิปตัส สวนสาธารณะบางแห่ง พื้นที่เพาะปลูก หรือแม้แต่ชานเมือง พวกมันจะรวมกันเป็นกลุ่มและออกหาอาหารจำพวกเมล็ดพืช ผลไม้ ดอกไม้ และถั่วในบริเวณเหล่านี้กิน มันจึงเป็นนกที่ชาวออสเตรเลียน่าจะคุ้นเคยกันดี จำนวนของนกสายพันธุ์นี้ในป่ายังคงอยู่ในระดับปกติ แต่อาจจะค่อยๆ ลดลงในอนาคตเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า

ข้อควรระวัง

ก่อนเลี้ยงนกควรต้องศึกษาเรื่องกฎหมายก่อน ในปัจจุบันนกบางสายพันธุ์ถูกจัดอยู่ใน CITES บัญชีหมายเลข 1, 2, และ 3 ซึ่งแต่ละบัญชีก็จะมีกฎระเบียบที่ต่างกันออกไป ซึ่งคุณต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าในปัจจุบันนกสายพันธุ์นี้อยู่ที่ CITES บัญชีไหนหรือไม่ มีกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการซื้อขายครอบครองนกสายพันธุ์นี้ในปัจจุบันอย่างไร ซึ่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และห้ามซื้อนกที่ถูกดักจับจากป่าอย่างผิดกฎหมาย

ลักษณะนิสัยของนกแก้วออสเตรเลียนคิง

มันเป็นนกที่มีความสุขุม อ่อนหวาน อ่อนโยน เงียบสงบ และเป็นมิตรกับผู้คน โดยเฉพาะนกที่ได้รับการฝึกให้เข้าสังคมกับผู้คนในบ้านตั้งแต่มันยังเด็ก มันจะรักและผูกพันกับเจ้าของที่เลี้ยงมันมามากเป็นพิเศษ มันชอบมีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าคนที่มันรัก แต่ว่ามันเป็นนกที่ไม่ได้ชื่นชอบการถูกจับตัวมากนัก และมันก็ไม่ใช่นกประเภทที่จะมาอ้อนคุณหรือทำตัวน่ารักมากนัก มันจึงเหมาะกับผู้ที่ชอบนกที่เลี้ยงง่าย ไม่ต้องการความสนใจจากเจ้าของมากมายนัก

การพูดคุยและการส่งเสียง

เป็นเรื่องปกติที่นกจะส่งเสียงร้องบ้างในบางเวลา แต่นกสายพันธุ์นี้จะค่อนข้างเงียบสงบ เวลามันเปล่งเสียง เสียงของมันก็จะอยู่ในระดับที่ไม่ดังมากนัก มันจึงเหมาะกับผู้ที่ชอบนกที่ไม่ค่อยส่งเสียงดัง ส่วนเรื่องการเลียนแบบเสียง มันก็มีความสามารถในการเลียนแบบเสียงสิ่งแวดล้อมรอบตัวและคำพูดของมนุษย์อยู่บ้างเช่นกัน แต่มันจะเลียนแบบเสียงเหล่านี้ได้ไม่ดีมากนัก จึงสามารถลองนำมันมาสอนพูดได้ แต่อาจจะต้องใช้ความพยายามสักนิดนึง

คลิปความน่ารักของน้อง

ลักษณะภายนอกและความหลากหลายของนก

สีและลักษณะภายนอก

สีขนของนกตัวผู้และตัวเมียจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน นกตัวผู้จะมีขนที่หัวและตัวเป็นสีแดง มีขนที่ปีกเป็นสีเขียว ขนใต้ปีกจะมีสีน้ำเงิน ส่วนตัวเมีย ขนส่วนหัว อก หาง และปีกจะเป็นสีเขียว และจะมีสีแดงที่ส่วนท้อง

การดูแลนกแก้วออสเตรเลียนคิง

การดูแลด้านอาหารการกิน

เราสามารถซื้ออาหารสำหรับนกโดยเฉพาะที่มีขายทั่วไปให้น้องทานได้เลย ถ้าจะให้ดีควรเลือกอาหารสำหรับนกที่มีส่วนผสมของธัญพืชและผลไม้อบแห้งอยู่ในนั้น เพื่อให้นกได้รับสารอาหารหลากหลายที่ดีต่อร่างกาย โดยเราสามารถให้มันทานควบคู่ไปกับอาหารสดชนิดต่างๆ เพื่อเสริมสารอาหารให้ครบถ้วน สัดส่วนอาหารสำเร็จรูปกับอาหารสดก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความเหมาะสมกับตัวนก จะลองอาหารให้อาหารสำเร็จรูปสัก 50 – 60% ของปริมาณอาหารทั้งหมดก่อนก็ได้ อาหารสดที่จะให้มันสามารถเป็นผัก ถั่ว หรือผลไม้ชนิดต่างๆ ก็ได้ เช่น เมล็ดทานตะวัน, องุ่น, กล้วย, บรอคโคลี, ผักโขม, แอปเปิ้ล (เอาเมล็ดออกแล้ว) เป็นต้น แต่อาหารประเภทถั่วและเมล็ดพืชควรให้มันทานในปริมาณน้อย เนื่องจากว่าอาหารประเภทนี้มีไขมันสูง ซึ่งถ้านกทานมากไปจะทำให้นกน้ำหนักเกินได้ และอย่าลืมที่จะมีน้ำสะอาดมากพอให้มันดื่มกินในกรง (ถ้าเป็นลูกนกต้องให้อาหารชงสำหรับลูกป้อนโดยเฉพาะก่อน)

11 อาหารต้องห้ามสำหรับนก

การดูแลขนและความสะอาด

เราไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจเรื่องขนและความสะอาดของนกมากมายนัก เพราะนกจะคอยดูแลความสะอาดและจัดแต่งขนตัวเองเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าเนื้อตัวมันสกปรกมากเกินกว่าที่มันจะทำความสะอาดเองได้ เราสามารถนำกะละมังหรือถาดขนาดใหญ่ที่มีน้ำตื้นๆ อยู่ข้างในไปให้มันเล่นและอาบน้ำตัวเอง หรือจะเปิดน้ำเบาๆ ให้มันกระพือปีกอาบน้ำตัวเองในอ่างก็ได้

การดูแลเรื่องที่อยู่อาศัย

เพื่อไม่ให้นกรู้สึกเครียดและอึดอัด กรงของมันไม่ควรมีขนาดที่พอดีตัวจนเกินไป กรงของมันควรมีพื้นที่มากพอให้มันเล่นและสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ ที่ที่ตั้งกรงของมันควรไม่มีแดดแรงๆ ส่องมาโดนนกโดยตรงเป็นเวลานาน มีอากาศถ่ายเท ไม่สกปรก และไม่อับชื้น ผู้เลี้ยงต้องคอยทำความสะอาดที่อยู่ของมันและบริเวณรอบๆ เป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวนกเอง และควรนำของเล่นสำหรับนกชนิดต่างๆ เช่น ของเล่นที่ทำจากไม้ คอนเชือก ลูกบอลไม้ และอื่นๆ เข้าไปในกรงให้นกกัดเคี้ยวเล่นในยามว่าง

การออกกำลังกายและอื่นๆ

การให้นกได้ออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้นกของคุณมีสุขภาพที่ดี การที่มีกรงนกขนาดใหญ่มากพอให้มันสามารถออกแรงเคลื่อนไหวไปมาและมีของเล่นข้างในกรงจะทำให้มันได้ออกกำลังกาย และคุณสามารถนำมันออกมาเล่นในห้องที่ปลอดภัยข้างนอกกรงบ้าง ประมาณวันละ 1-2 ชั่วโมงหรือมากกว่านี้ก็ดี เพื่อให้มันได้ออกมาสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัว เดินเล่นบินเล่น ออกกำลังกาย และออกมาทำกิจกรรมกับเจ้าของและผู้คนภายในบ้าน นอกจากจะทำให้นกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้มันเชื่องมากขึ้น ไม่เหงา และไม่หดหู่ แต่เวลานำมันออกมาเล่นควรระวังไม่ให้มันไปกัดสายไฟในบ้านจนเสียหาย

ปัญหาสุขภาพที่อาจพบใน Australian king parrot

มันมีโอกาสที่จะมีปัญหาสุขภาพที่มักจะพบเจอในนกบ่อยๆ เช่น

โรคกระเพาะขยาย (Proventricular Dilatation Disease): อาการที่สามารถสังเกตได้ คือ น้องจะตัวผอมลง น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เซื่องซึม และอาเจียน แต่นกบางตัวอาจจะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นจนกระทั่งเริ่มอาการหนักแล้ว
โรคจะงอยปากและขน (Psittacine beak and feather disease): เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสที่สามารถติดต่อกันระหว่างนกได้ อาการที่สามารถสังเกตได้จากภายนอก คือ จะงอยปากนกจะผิดรูปและแตกถลอก เซื่องซึม ขนร่วงเยอะ และบินไม่ค่อยได้ ซึ่งมันอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น ถ้านกคุณมีอาการเหล่านี้ ต้องแยกนกตัวอื่นที่แข็งแรงออกจากมัน เพื่อป้องกันการติดต่อของโรค และนำนกตัวที่ป่วยไปพบสัตวแพทย์
ไรในนก (Bird Mites): ไรในนกนั้นเป็นตัวร้ายที่จะทำให้นกของคุณมีปัญหาสุขภาพ และอาจจะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต แถมยังสามารถสร้างความรำคาญให้กับผู้เลี้ยงและคนในบ้านอีกด้วย อาการที่สามารถสังเกตได้ คือ น้องจะน้ำหนักตัวลดลง ขนยุ่ง และน้องจะกัดขนและตกแต่งขนบ่อยผิดปกติ ขนร่วง และผิวหนังมีแผล วิธีป้องกันเบื้องต้น คือ หมั่นรักษาความสะอาดกรงของนก ไม่ให้กรงของนกมีความอับชื้น และไม่ให้น้องเข้าใกล้นกจากธรรมชาติตัวอื่น โดยเฉพาะนกพิราบ ที่อาจจะมีไรนกติดมาด้วย
โรคซิตาโคซิส (Psittacosis): หรือที่เรียกกันว่า “โรคไข้นกแก้ว” โรคนี้ไม่ได้เป็นกับนกแก้วเท่านั้น มันเป็นโรคที่สามารถติดจากนกและสัตว์ปีกชนิดอื่นๆ เช่น เป็ด สู่คนผ่านทางเดินหายใจ ผู้ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการเป็นไข้ ตัวสั่น ปวดศีรษะ นกที่อาจจะติดเชื้อไวรัสนี้จะมีอาการเซื่องซึม ไม่ค่อยทานอาหาร ถ่ายบ่อย และมูลนกจะมีสีแปลกไปจากปกติ